เป็นที่ฮือฮากันมากในช่วงต้นปี 2025 นี้ สำหรับ DeepSeek ที่ขึ้นชื่อว่าเป็น Ai ต้นทุนต่ำ เพราะพึ่งเปิดตัวไปได้ไม่นานก็มียอดดาวน์โหลดใน App Store แซงหน้า Ai รุ่นพี่อย่าง ChatGPT ไปแล้ว และไม่เพียงเท่านั้นการเปิดตัวครั้งนี้ยังส่งผลกระทบอย่างมากในตลาดการเงิน จนทำให้เกิดความผันผวนในหุ้นต่าง ๆ ทั่วโลก ในบทความนี้ เราจะมาทำความรู้จักกับ DeepSeek ว่าคืออะไร และทำไมถึงมีศักยภาพในการแข่งขันกับ ChatGPT ได้
DeepSeek คืออะไร
DeepSeek เป็นบริษัทสตาร์ทอัพด้านปัญญาประดิษฐ์จากประเทศจีน ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2023 โดย Liang Wenfeng โดยได้รับการสนับสนุนจาก High-Flyer Hedge Fund ซึ่งเป็นกองทุนเฮดจ์ฟันด์ที่ใหญ่ที่สุดในจีน มุ่งเน้นการพัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์พื้นฐานและเปิดเผยโมเดลของตนเป็น open-sorce ชื่อว่า DeepSeek-R1 ซึ่งมีความสามารถใกล้เคียงกับโมเดลจากบริษัทชั้นนำอย่าง OpenAI แต่มีต้นทุนการพัฒนาที่ต่ำกว่าอย่างมาก การเปิดตัวนี้ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมปัญญาประดิษฐ์อย่างมาก
DeepSeek-R1 ใช้เทคนิคที่เรียกว่า "mixture of experts" ซึ่งช่วยให้การประมวลผลมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยจะเปิดใช้งานเฉพาะทรัพยากรการประมวลผลที่จำเป็นสำหรับงานนั้นๆ เท่านั้น ทำให้สามารถลดต้นทุนและการใช้พลังงานได้อย่างมาก
บริษัทกล่าวว่า โมเดลเอไอล่าสุดของตนเทียบเคียงได้กับโมเดลชั้นนำของอุตสาหกรรมในสหรัฐฯ โดยมีต้นทุนการพัฒนาเพียงเศษเสี้ยวเดียว นักวิจัยที่อยู่เบื้องหลังแอปฯ นี้ระบุว่า ใช้เงินเพียง 6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 200 ล้านบาท) ในการสร้างและพัฒนามันขึ้นมา ต้นทุนที่ถูกกว่าของบริษัทนั้น ส่งผลกระทบต่อตลาดการเงินในวันที่ 27 มกราคม 2025 ทำให้ตลาดหุ้น Nasdaq ซึ่งเน้นลงทุนในหุ้นเทคโนโลยี ร่วงลงมากกว่า 3% โดยมีการเทขายหุ้นจำนวนมาก ซึ่งรวมถึงหุ้นของผู้ผลิตชิปและศูนย์ข้อมูลทั่วโลก
อย่างไรก็ตาม การเปิดตัวของ DeepSeek-R1 ก็ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวของข้อมูลและการปิดบังข้อมูลด้วยเช่นกัน เนื่องจากโมเดลนี้ปฏิบัติตามกฎหมายการเซ็นเซอร์ของประเทศจีนอย่างเคร่งครัด หลีกเลี่ยงหรือบิดเบือนข้อมูลในหัวข้อที่อ่อนไหวทางการเมือง
นอกจากนี้ ยังมีข้อกล่าวหาว่า DeepSeek ได้ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของ OpenAI ในการพัฒนาโมเดลของตน ซึ่งเป็นประเด็นที่ยังคงอยู่ระหว่างการตรวจสอบ การเปิดตัวของ DeepSeek-R1 ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมปัญญาประดิษฐ์ และเป็นที่จับตามองถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
เปรียบเทียบจุดแข็งระหว่าง ChatGPT กับ DeepSeek
เมื่อเปรียบเทียบ ChatGPT และ DeepSeek ในหลายด้าน เราจะเห็นความแตกต่างที่ชัดเจนดังนี้
คุณสมบัติ | ChatGPT (GPT-4) | DeepSeek |
ความสามารถด้านภาษา | รองรับได้หลายภาษา รวมถึงภาษาไทย | รองรับได้ทั้งภาษาอังกฤษ และภาษาไทย แต่เน้นภาษาจีนเป็นหลัก |
ประสิทธิภาพในการวิเคราะห์ | ให้เหตุผลและวิเคราะห์เชิงลึกได้ดี | ประมวลผลได้รวดเร็ว ใช้พลังงานน้อย |
ข้อมูลและการฝึกสอน | ใช้ข้อมูลจากทั่วโลก | จำกัดข้อมูลบางส่วนตามกฎหมายจีน |
การเข้าถึงและต้นทุน | ต้องสมัครใช้งานเวอร์ชัน Pro (GPT-4) | ใช้งานได้ฟรี |
การใช้งานทั่วไป | เหมาะสำหรับการสร้างเนื้อหา, การวิเคราะห์ข้อมูล, และโค้ดดิ้ง | ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์งานเฉพาะทาง เช่น การแปลภาษา การวิเคราะห์ข้อมูล และการสร้างเนื้อหาในบริบททางธุรกิจ |
สรุป
DeepSeek เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการแข่งขันในโลก AI ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว การเปิดตัวของโมเดลแบบนี้แสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยี AI ยังมีพื้นที่ให้พัฒนาและแข่งขันกันต่อไป ไม่ใช่แค่ DeepSeek กับ ChatGPT เท่านั้น แต่ยังมีผู้เล่นรายอื่นที่อาจเข้ามาสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ ในอนาคต
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เราผู้ใช้งานจะได้รับประโยชน์มากที่สุดจากการแข่งขันนี้ การมีผู้เล่นหลายรายทำให้เทคโนโลยี AI พัฒนาไปในทิศทางที่ดีขึ้น ทั้งในแง่ของประสิทธิภาพ, ความสามารถในการรองรับหลายภาษา, และต้นทุนที่ลดลง ทำให้ AI กลายเป็นเครื่องมือที่สามารถช่วยในทุก ๆ ด้านของชีวิตและธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ
หากองค์กรของคุณกำลังมองหา Solution ทำงานร่วมกับ AI ที่ตอบโจทย์ สามารถเข้ามาปรึกษาผู้เชี่ยวชาญของ X10 ได้ที่
: 02-693-1989
Comments